หมูแคระ พอตเบลลี่ 

หมูแคระ พอตเบลลี่ ที่นิยมเลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลินในขณะนี้มีหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นหมูแคระฮอลแลนด์หรือหมูแคระญี่ปุ่น แต่ความน่ารักตัวสีชมพูที่จะพาไปรู้จักกันนี้คือ หมูแคระพอตเบลลี่ หรือหมูแคระเวียดนาม ซึ่งถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลินมานาน ก่อนจะเลือกเลี้ยงเจ้าหมูแคระ(ที่ไม่แคระ) ลองมาทำความรู้จักและทำความเข้าใจเบื้องต้นก่อนซื้อลูกหมูมาเลี้ยงกันสักนิด ทั้งการเลือกซื้อหมูแคระ วิธีเลี้ยง และปัจจัยต่างๆ ให้การเลี้ยงหมูจิ๋วกลายเป็นเรื่องหมูๆ ไปเลยทีเดียว

ลักษณะและนิสัย หมูแคระ

มีขนาดเล็กกว่าหมูทั่วไปจึงถูกเรียกว่า “หมูแคระ” หรือ “หมูจิ๋ว” เป็นที่นิยมเลี้ยงในต่างประเทศมาก และเรียกชื่อต่างกัน เช่น “ไมโคร พิก”  “ทีคัพ พิก”  “มินิ พิก” ที่เห็นตามภาพ หรือคลิปต่างๆ นั้นเป็นขนาดที่ยังไม่โตเต็มวัย ทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าขนาดตัวของมันคงไม่โตมากไปกว่านี้แล้วแน่ๆ ซึ่งความจริงไม่ใช่ มันยังสามารถโตได้อีก เมื่ออายุ 2-3 ปี อาจสูงถึง 14–16 นิ้ว หนักประมาณ 30 กิโลกรัม มีจมูกสีชมพู แววตาสดใส ไม่มีกลิ่นให้รำคาญใจ ปัญหาเรื่องหมัดก็หายห่วง ไม่มีมารบกวนคนยี้หมัดแน่นอน จึงเหมาะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนยามเหงา ส่วนปัญหาด้านสุขภาพก็มีน้อย ถือว่าเป็นสัตว์ที่ดูแลรักษา และเลี้ยงง่าย แต่ให้พึงอย่างเดียวคือ โรคเกี่ยวกับผิวหนังแพ้ง่ายเท่านั้น

มีนิสัยที่ฉลาดมาก และรักสะอาดกว่าสุนัขบางสายพันธุ์เสียอีก มีความเป็นมิตรสูง เข้ากับผู้คนได้ง่าย เป็นสัตว์เลี้ยงที่ค่อนข้างร่าเริง โดยนิสัยธรรมชาติของมัน เช่น ชอบขุดคุ้ยดินเล่น หากผู้เลี้ยงไม่เข้าใจ คิดว่ามันซน น้องหมูอาจแสดงความก้าวร้าวออกมาได้ แต่ไม่รุนแรงเท่าไหร่ ดังนั้น ควรศึกษานิสัย และคอยปรับพฤติกรรมเสมอ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ง่ายยิ่งขึ้น

เลือกลูกหมู ให้ดูที่จมูกกับก้น

อายุหมูแคระที่เหมาะ ควรเริ่มเลี้ยงตั้งแต่ช่วง 1-1.5 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่หมูยังเล็กและสมองอันน้อยนิดของมันจะจำเจ้าของที่เลี้ยงมันได้ เป็นช่วงที่เริ่มกินอาหารเองได้แล้ว วิธีการเลือกลูกหมูมาเลี้ยง หลักๆ ที่ต้องพิจาณาดูเลยคือสีผิวต้องผิวอมชมพู ขนต้องเป็นมันเงาแสดงถึงความสมบูรณ์ในการได้รับสารอาหาร รูก้นต้องเป็นสีชมพูไม่มีอุจาระติดซึ่งแสดงถึงการขับถ่ายที่ดี จมูกมีความชุ่มชื้นของน้ำไม่แห้ง ไม่ควรเลือกตัวที่หายใจมีเสียงดังหรือมีน้ำลายเกิดจากการขาดน้ำ อาการที่แสดงออกก็บ่งบอกถึงสุขภาพ อย่างหมูวิ่งเล่นร่าเริงจะมีสุขภาพที่ดีกว่าหมูที่นอนซึม ไม่กินอาหาร ซึ่งแสดงถึงอาการป่วย

น้ำหนักที่เหมาะสมกับอายุอย่างหมู 1 เดือนควรหนัก 1-3 กิโลกรัมและมีความยาวที่ประมาณ 20 เซนติเมตร นอกจากนั้นก็ต้องพิจารณาลักษณะทางพันธุกรรมโดยจะมีขาสั้น มีท้องหม้อ หากถูกผสมกับหมูดอยจะมีลำตัวยาว บั้นท้ายลีบ ส่วนในเรื่องลวดลายจุดสีดำนั้นเป็นลักษณะประจำพันธุ์ที่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้ซื้อและผู้ขาย ไม่มีผิดถูกแต่อย่างใด อายุโดยเฉลี่ยของหมูแคระพอตเบลลี่จะอยู่ที่ 20 ปี ตั้งท้องนาน 114 วัน ปีหนึ่งจะได้ลูกหมูประมาณ 3 คอก ซึ่งถือว่าให้ลูกไวเลยทีเดียว จำนวนลูกหมูขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของแม่ หากน้ำหนัก 80 กิโลกรัมจะให้ลูกหมูประมาณ 12-15 ตัวต่อ 1 คอก

การเลี้ยง-อาหาร

สัตว์ทุกตัวเมื่อต้องย้ายถิ่นที่อยู่ใหม่มักมีความรู้สึกกลัว พยายามดูแลด้วยการกอด ลูบหัว ทำให้เขาไว้ใจ รู้สึกอบอุ่น ป้อนอาหารด้วยตัวเอง ไม่นานเขาจะรู้สึกคุ้นชินและไว้ใจเรา

  • สำหรับที่นอน ให้ใช้ผ้านุ่มๆ มีความหนาด้วยจะดีมาก เพราะเขาชอบมุด หรือขดตัวใต้ผ้าเวลานอน
  • หมั่นทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อฝึกนิสัยน้องหมูไปในตัวด้วย
  • การให้อาหาร ห้ามเลี้ยงด้วยอาหารสุนัข แมว หรืออาหารที่เป็นเนื้อและมีรสเค็มเด็ดขาด ควรเลี้ยงด้วยผัก ผลไม้ เช่น แตงกวา ผักใบเขียวหลากชนิด แอปเปิ้ล โดยให้ปริมาณอาหารตามขนาดร่างกาย หากยังตัวเล็กอยู่ก็ไม่ต้องให้มากเกินไป เพราะไม่ว่าเขาจะหิว หรือไม่หิว กินได้ตลอดไม่เลือกเวลา
  • หมูแคระยังมีนิสัยชอบขุดดิน ซึ่งเป็นสัญชาตญาณของเขา ทำให้ร่างกายเกิดความสกปรกอยู่เสมอ จึงต้องหมั่นดูแลรักษาทำความสะอาด ให้ใช้สบู่สำหรับเด็กทำความสะอาด เพราะเจ้าหมูแคระมีผิวหนังที่แพ้ง่าย ควรอาบน้ำเดือนละครั้งเพื่อสุขภาพที่ดีของเขา
  • ธรรมชาติของหมูคือ กินจุ กินทุกอย่างแบบไม่เลือก ต่อให้กินอิ่มไปแล้ว แต่ถ้ามีอาหารก็จะเล่นจะกินเล่นให้หกเลอะเทอะ การให้อาหารจึงควรระวังอย่าให้อาหารที่มีแก๊สเยอะ ทำให้เกิดท้องอืด ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารที่ให้ด้วยอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดแก๊ส ทำให้ปวดท้อง หรือกินอาหารที่กากใยสูงแต่ไม่มีน้ำเลยก็จะมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย อาหารของคนก็ไม่ควรให้สัตว์กิน เพราะสัตว์จะติดรสชาติในเรื่องของรสที่ผ่านการปรุง ทั้งเค็ม หวาน มัน ถ้าได้กินปุ๊บเขาจะรู้สึกว่า มันอร่อยกว่าผักบุ้ง อร่อยว่าผลไม้ที่เคยกิน เขาจะไม่สนใจอาหารพวกนั้นไปเลย
  • สิ่งที่ต้องระวังอีกอย่างคือพวกถุงพลาสติก ที่เปียกอาหาร หากหมูได้กินพวกนั้นจะแยกไม่ออกว่าอันไหนคือพลาสติกเพราะรสอาหารปรุงที่ติดอยู่ มันจะกินทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดอันตราย

คิดสักนิดก่อนตัดสินใจเลี้ยง จะรับได้ไหมถ้า หมูแคระจะไม่แคระอย่างที่คิด

ต้องมีความมั่นใจว่าเจ้าหมูนั้นจะเป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัว ควรตรวจสอบให้ดีว่าใกล้บ้านมีโรงพยาบาลสัตว์หรือเปล่า กรณีน้องหมูป่วยขึ้นมาจะได้ง่ายต่อการรักษา ยิ่งเวลาที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน ไม่ควรทิ้งให้น้องหมูอยู่ตามลำพังเด็ดขาด ควรนำไปฝากเลี้ยงจะดีกว่า เพราะนิสัยของมันชอบให้เอาใจใส่ โดยเฉพาะการพาไปออกกำลังกาย เป็นกิจกรรมโปรดของหมูแคระเลยล่ะ ระวังเรื่องสภาพอากาศร้อนสักเล็กน้อย หากร้อนเกินไปอาจทำให้หมูเสียชีวิตได้ แม้ว่าสุนัข แมว จะยังเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจของมนุษย์ แต่เราอาจจะได้เห็นสัตว์ในภาคเกษตร อย่างไก่ เป็ด ห่าน ที่เลี้ยงเพื่อเก็บไข่กลายมาเป็นเพื่อนตัวจิ๋ว 2 ขา และยังมีสัตว์สี่ขาอย่าง “หมูแคระ” ที่อัพเกรดมาเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจประจำบ้าน ด้วยสีสันและลวดลายที่เรียกได้ว่า น่ารัก แสนรู้ ไม่ต่างจากน้องหมาน้องแมวเลยทีเดียว

หมูแคระ ในทุกๆ สายพันธุ์ไม่ใช่หมูที่มีขนาดตัวเล็กเท่าที่เห็นตอนเพิ่งคลอดอายุ 1-2 เดือน แต่พวกมันมีขนาดน้ำหนักที่มากถึง 30-60 กิโลกรัมเมื่อโตเต็มที่ และหลุดไซส์ไปได้ถึง 80 กิโลกรัม แต่เมื่อเทียบกับหมูในฝั่งยุโรปหรืออเมริกาที่มีน้ำหนักมากถึง 200 กิโลกรัมจึงแบ่งประเภทให้หมูไซส์นี้เป็นหมูแคระ ( Mini Pig ) ที่มีขนาดตัวเล็กกว่า จึงถูกใช้เป็นหมูเพื่อการทดลอง ไม่บริโภคเนื้อ จนได้รับความนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงมาจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่า ธรรมชาติของหมูคือชอบกิน แม้ว่าท้องจะอิ่มแค่ไหน แต่หากมีคนให้อาหารมันก็จะกินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งหมูแคระก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นลูกหมูหรือแม่หมู อาหารที่ให้มีผลต่อขนาดและความแข็งแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในการเลือกซื้อลูกหมู ต้องมั่นใจได้ว่าลูกหมูถูกเลี้ยงมาอย่างดี ได้รับน้ำนมซึ่งก็คือน้ำเหลืองจากแม่อย่างน้อย 3 สัปดาห์ และมีการให้อาหารเสริมธาตุเหล็กเพิ่ม หลังหย่านมแม่ให้กินนมแพะเท่านั้น เพราะในนมแพะมีขนาดไขมันที่มีขนาดเล็กกว่านมวัว มันจะย่อยสลายได้ง่ายกว่านมวัว

แต่หากอยากเลี้ยงให้อ้วน มีความตุ๊ต๊ะน่ารัก น้ำหนักได้ถึง 80 กิโลกรัม อยากให้กินอะไรก็ให้ไปได้เลย ทั้งขนมปัง ข้าวสุก หัวอาหารสัตว์ เมื่อเขาอายุประมาณ 5-6 เดือนก็โตเต็มที่ ตัวเริ่มตัน แต่เริ่มเป็นแม่หมูระบบโครงสร้างจะเปลี่ยน น้ำหนักจะเพิ่มได้ถึง 80 กิโลกรัม จะไม่อ้วนตุ๊ต๊ะ หลังเริ่มแอ่น ท้องเป็นก้นหม้อลากพื้น ซึ่งก็แล้วแต่ความชอบของผู้เลี้ยง

หมูจัดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จึงควรฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้าให้หมูเมื่อมีอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ปีละครั้ง เมื่อรับหมูแคระไปเลี้ยงต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สภาพแวดล้อมที่ต่างกันมีผลต่อสุขภาพของหมูแคระด้วย ทั่วไปแล้วสัตว์จะค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ แต่เจ้าของต้องรู้ด้วยว่า แต่เดิมนั้นถูกเลี้ยงมาอย่างไร อาจจะเลี้ยงแบบธรรมชาติ ไม่ได้เปิดพัดลมให้เขาอยู่ แต่เจ้าของใหม่อยากเปิดแอร์เปิดพัดลมให้หมูอยู่ นั่นอาจจะทำให้หมูแคระเป็นไข้ หรือเคยเลี้ยงกันยุงให้ก็ต้องดูแลเรื่องยุง เพราะถ้าหากยุงกัดก็จะมีตุ่มแดงๆ ขึ้นตามตัวหมู โรคผิวหนังก็อาจจะเกิดขึ้นได้จากความชื้นไม่ได้ทำความสะอาด พอสภาพแวดล้อมเปลี่ยนหรือเกิดจากการขนส่งหมูแคระมีอาการเครียดจะไม่กินอาหาร จะไม่ขับถ่าย หรืออาจจะเกิดอาการท้องเสียเพราะอาหารที่แตกต่าง จนเกิดอาการป่วยไข้ สิ่งเหล่านี้ป้องกันได้ด้วยการพูดคุยสอบถามกับผู้ขายให้แน่ชัดเพื่อให้ได้แนวทางในการเลี้ยงดูที่ดี และคอยสังเกตอาการอยู่เสมอ

หมูแคระ

หมูแคระจะเชื่องเมื่อเห็น “โรงครัวเคลื่อนที่”

แม้ว่าหมูแคระจะมีสมองเพียงน้อยนิด แต่ก็สามารถจดจำคนให้อาหารและรู้จักชื่อตัวเอง การจะสร้างความสัมพันอันดีให้หมูแคระเชื่องคือการทำให้มันคิดว่า เราคือโรงครัวเคลื่อนที่ที่มีอาหารให้มันอยู่เสมอ เพราะขึ้นชื่อว่าหมู รู้ไว้เลยว่าเขาชอบกิน เขาหิวง่าย กินได้ทั้งวัน หากเขาหิวโซมาจะรู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้กินอาหาร แค่ให้อาหารเพียง 2 วันเท่านั้น เขาจะเดินตามคุณอย่างแน่นอน วิธีสังเกตอารมณ์หมูให้ดูหางประกอบกับพฤติกรรม เช่นหางแกว่งซ้ายขวาจะแสดงเมื่อรู้สึกดีใจ ตื่นเต้นที่เห็นโรงครัวเคลื่อนที่เดินมาหา แต่หากหางตั้งตรงกับแนวลำตัว ยืนตัวแข็ง นั่นคืออารมณ์ไม่ดี หวาดระแวง ตกใจกลัว

การอุ้มมอบความรักใช้หลักการเหมือนการอุ้มสัตว์ คือทำอย่างไรก็ได้ให้สัตว์รู้สึกปลอดภัย ให้ค่อยๆ จับ แน่นอนว่าครั้งแรกเขาจะร้องเพราะตกใจ จะมีระแวงสักพัก หากอุ้มแล้วเขารู้สึกว่าไม่ถูกทำร้าย ไม่เจ็บปวด ก็จะไม่ตื่นกลัวอีก ระวังอย่าให้เขาเจ็บตัวเพราะหมูแคระจะเข็ดมือแล้วไม่กล้าเข้าใกล้คุณอีก และเขาจะร้องเสมือนร้องขอชีวิตแม้หมูแคระพอตเบลลี่จะเลี้ยงง่าย ดูแลง่าย แต่ต้องทำใจไว้เลยว่าขนาดของหมูนั้น ไม่ได้แคระตัวเล็กจิ๋วเหมือนชื่อที่ถูกตั้งให้ พื้นที่เลี้ยงจึงต้องมีบริเวณกว้างพอสมควร รวมถึงปัจจัยด้านอื่นๆ เช่น การหิวขอกินตลอดเวลา ขนาดตัวที่ใหญ่เกินกว่าจะอุ้มไปหาหมอ แต่หากรับได้กับข้อจำกัดเหล่านี้ หมูแคระพอตเบลลี่คือเพื่อนผู้น่ารักที่สร้างความเพลิดเพลินได้มากทีเดียว

อยู่บ้านแบบไหนถูกใจหมูแคระ

คนที่เลี้ยงหมูแคระพอตเบลลี่ส่วนใหญ่มักจะเลี้ยงในบ้าน อันดับแรกควรจัดโซนให้เขาอยู่ เมื่อเขากินเสร็จให้กักบริเวณที่เป็นสัดส่วน แบ่งโซนกินให้กินข้างนอก โซนนอนให้อยู่มุมใน วางจุดขับถ่ายในจุดที่ต้องการให้ขับถ่าย โดยในช่วงแรกต้องจับอุ้มเขาไปขับถ่ายในจุดที่ต้องการ เช่นสนามหญ้า ต่อไปเขาจะคุ้นชินและขับถ่ายในบริเวณนั้นอยู่เสมอ ซึ่งตามนิสัยของหมูแคระพอตเบลลี่จะเป็นหมูที่รักสะอาด จะไม่ขับถ่ายแล้วมานอนทับในมุมเดิม

ธรรมชาติของหมูจะชอบเล่นน้ำ เพื่อสร้างความเพลินเพลินจึงควรมีอ่างอาบน้ำให้หมูได้นอนแช่ และควรอาบน้ำให้หมูแคระตั้งแต่อายุ 3 เดือน สามารถใช้แชมพูสัตว์ทำความสะอาดได้แต่ให้สังเกตอาการแพ้ด้วย และจะมีศัตรูตามธรรมชาติคือสุนัข หากที่บ้านเลี้ยงสุนัขอยู่แล้วให้ทดสอบสุนัขให้แน่ใจก่อนว่าจะไม่กัดหมูแคระ ด้วยการกักสุนัขไว้ในกรงแล้วปล่อยให้หมูเดินรอบๆ กรง หากไม่เห่าหรือขู่ไว้ใจได้เลยว่าสามารถเลี้ยงคู่กันได้

ข้อควรระวัง

เรื่องสุขภาพ

ให้ระวังเรื่องผิวหนังเป็นพิเศษ เนื่องจากน้องมีผิวค่อนข้างบอบบางและแพ้ง่าย เวลาอาบน้ำให้ใช้ให้สบู่เด็กหรือสบู่ที่มีความอ่อนโยน ระวังอย่าให้น้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดนแดดนานๆ เพราะจะให้น้องผิวแตกแห้ง ระคายเคือง และเกิดโรคต่างๆตามมาได้ แนะนำให้หลังจากอาบน้ำเสร็จ ควรทาออยให้น้องอีกรอบ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และลดการแตกของผิว แนะนำให้ควรทำหมันในช่วงอายุประมาณ 4-6 เดือน เพื่อลดพฤติกรรมรุ่นแรงที่อาจเกิดได้ในช่วงที่เป็นฤดูผสมพันธุ์

ระวังน้ำหนักที่เกินมาตรฐาน

หากตามใจน้องมากเกินไป ปล่อยให้น้องกินทุกอย่าง อาจะก่อปัญหาตามขึ้นมาได้ เช่น น้ำหนักตัวที่เกินจะส่งผลต่อโรคข้ออักเสบ ควรพาน้องไปออกกำลังกาย เดินเล่น หรือหากิจกรรมทำร่วมกับน้องก็จะดีมากเลยค่ะ นอกจากสัตว์เลี้ยงเราจะสุขภาพดีขึ้นแล้วนั้น ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับน้องไปในตัวด้วย เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย เนื่องจากเจ้าหมูของเรามีลักษณะนิสัยที่สดใส ร่าเริง และกินจุ เมื่อไหร่ก็ตามที่น้องซึม หรือทานอาหารได้น้อยลง ให้รีบพาน้องไปพบแพทย์ได้เลยค่ะ เพราะนั่นอาจจะเป็นผลข้างเคียงจากอาการป่วยของน้องก็เป็นได้ ผู้เลี้ยงควรสังเกตและศึกษาพฤติกรรมและอาการของน้องอย่างเสมอ ควรถ่ายพยาธิให้น้องปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดีของน้อง

สรุปแล้ว ใครที่ตกหลุมรักน้องหมูแคระ พอตเบลลี่ ตัวจิ๋วสีชมพูลายจุด ก็สามารถหาซื้อได้ตามฟาร์มหรือค้นหาร้านขายครูแคระทางออนไลน์ได้ สำหรับคนรักสัตว์ หมูแคระ เป็นตัวเลือกหนึ่งที่เลี้ยงแล้ว มอบความสุข ความผูกพันธ์ให้กับเจ้าของ

ที่มา
เรื่อง : JOMM YB
https://www.baanlaesuan.com/
https://www.petcitiz.info/

https://tailybuddy.com/viewtalk/49/?lang=TH

https://petsayhai.com/

 

ติดตามอ่านเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงได้ที่  delphiabc.com